หาดคำสมบูรณ์

หาดคำสมบูรณ์หรือบางแสนอีสานอยู่ในจังหวัดน้องใหม่จังหวัดบึงกาฬจังหวัดที่ 77 ของไทยเป็นที่น่าจับตามองในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเชิงศาสนาและวัฒนธรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ในพื้นที่ตำบลบึงโขงหลงอยู่ หมู่ที่ 3 บ้านคำสมบูรณ์ ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมีร้านค้ามากมายอาหารอร่อยเช่นปลาเผากุ้งเผา แปะซะปลา แจ่วฮ้อน ยำรสเด็ด กุ้งเต้น ฯลฯ มีซุ้มไพรหญ้าให้นั่งริมน้ำหาดทรายขาว บรรยากาศดีสดชื่นเย็นสบาย เมื่อนั่งที่ซุ้มมองดูน้ำใสสะอาดจะเห็นฝั่งหมู่บ้านในเขตตัวอำเภอบึงโขงหลงและเห็นภูลังกาตั้งตระหง่านน่าเกรงขาม เขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้และหินผาสวยงามนักท่องเที่ยวจะเยอะมากช่วงเทศกาลสงกรานต์

Read More

วัดเซกาเจติยาราม (พระอารามหลวง)

เดินทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และเดินทางท่องเที่ยวเชิงธรรมะไปพร้อมกัน จะรู้สึกได้ถึงความสุขทางกาย และความสว่างไสวทางจิตใจ เดินทางมาไกลถึงจังหวัดบึงกาฬแล้ว อีกหนึ่งวัดที่ควรเดินทางไปก็คือ วัดเซกาเจติยาราม บึงกาฬ ที่เป็นพระอารามหลวงที่หนึ่งของจังหวัดบึงกาฬ ที่นี่กว้างใหญ่สมกับเป็นพระอารามหลวง ที่สำคัญก็คือ อีสานร้อยแปดจะพาทุกท่านเดินทางมาที่ มาเรียนรู้ธรรมชาติที่สวยงาม ป่าอุดมสมบูรณ์ และมาเรียนรู้ธรรมะจากที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน ประวัติความเป็นมาและการพัฒนาของวัดเซกาเจติยาราม วัดเซกาเจติยาราม ถูกรายล้อมไปด้วยธรรมชาติและป่าอันอุดมสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าวัดจะเป็นพระอารามหลวงและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผู้คนมากขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นธรรมชาติ ยังคงมีความสงบร่มเย็นภายในต้นไม้ ป่า น้ำ และสัตว์ป่า อีกทั้งยังสวยงามประกอบไปด้วยศาสนสถานที่สำคัญและพิธีกรรมที่สำคัญต่างๆดังนี้ ความสวยงามของธรรมชาติ บวกกับความสวยงามของวัดเซกาเจติยาราม ทำให้นักท่องเที่ยว หลงใหลความงามของจังหวัดบึงกาฬเป็นอย่างมาก พิธีกรรม รวมถึงประเพณีที่สวยงามที่หาชมได้ยากในวันสำคัญต่างๆ สามารถมาชื่นชมได้ที่วัดเซกาเจติยารามได้แล้ววันนี้ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ยินดีต้อยรับนักท่องเที่ยวทุกคนเสมอ การเดินทาง วัดเซกาเจติยาราม ตั้งอยู่ที่อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งอำเภอเซกานั้น ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 87 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงชนบทหนองคาย 2035 การเดินทางด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ Facebook วัดเซกาเจติยาราม จ.บึงกาฬ หรือต่อสายโดยตรงที่เบอร์ 042 489 491

Read More

วัดโพธาราม

วัดโพธาราม ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ  5 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดบึงกาฬและชาวจังหวัดใกล้เคียงรวมไปถึงในสปป.ลาว ที่อยู่ในลุ่มน้ำโขงแถบนี้  เมื่อเข้ามายังตัววัดจะพบกับอุโบสถเมื่อมองเข้าไปด้านในก็จะเห็นหลวงพ่อพระใหญ่ประดิษฐานอยู่ด้านในตัวอุโบสถ  หลวงพ่อพระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปรางมารวิชัย ฉาบปูน หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ (5 ฟตุ 4 นิ้ว) เดิมเป็นพระพุทธรูปทองสำริดที่มีความงดงาม แต่ต่อมามีการพอกปูนฉาบไว้ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการอำพรางจากเหตุการณ์สงคราม โดยพระพุทธรูปที่เห็นในปัจจุบัน ประดิษฐาน ณ ที่เดิมนับตั้งแต่ค้นพบไม่ทำการเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด มีเพียงการบูรณะแท่นประดิษฐานให้คงทนแข็งแรงมากขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาขอพร ก็มักจะได้สมหวังดังใจหมาย จนมีคนนำสีทองมาทาองค์พระให้สวยงามอย่างที่เห็นกัน และมักจุดบั้งไฟถวายกันเป็นประจำ แต่การกราบไหว้ในพระอุโบสถ สามารถเข้าได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ส่วนสุภาพสตรีจะสามารถกราบไหว้ได้ที่ด้านหน้าของพระอุโบสถ หรือองค์จำลองที่ประดิษฐานอยู่ข้างพระอุโบสถ วัดโพธารามแห่งนี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น มีหลักธรรมคำสอนติดตามต้นไม้ไว้ให้อ่านเป็นข้อคิดเตือนใจ และพื้นที่วัดก็อยู่ติดริมแม่น้ำโขงไม่มีกำแพงวัดกั้นระหว่างวัดและแม่น้ำโขง จึงทำให้ผู้คนที่มาวัดได้เดินเที่ยวชมและยังได้รับลมเย็นๆที่พัดขึ้นมาจากฝั่งโขงยิ่งทำให้จิตใจสงบร่มเย็น

Read More

แก่งอาฮง

ตั้งอยู่หน้าวัดอาฮงศิลาวาส ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากาฎขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย  โดยจัดทำเป็นเส้นทางเดินขนานไปกับแนวแม่น้ำ มีป้ายสะดือแม่น้ำโขงตั้งอยู่ตรงกลาง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่น เมื่อมองข้ามไปยังฝั่งลาวคือ เมืองปากซัน จะเห็นเจดีย์สีทองตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนหินขนาดใหญ่  มีความเชื่อว่า แก่งอาฮง คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีพวกเศษไม้ ใบไม้หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน

Read More

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต

หากกล่าวถึงสตรีทอาร์ตในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับภาพสตรีทอาร์ตที่วาดตามกำแพงริมถนนหรือตามอาคารตึกเก่าต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ วิถีชีวิตและเอกลักษณ์ของที่แห่งนั้น แต่ถ้ามา บึงกาฬ จะตื่นตาตื่นใจกับ สตรีทอาร์ต ในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่  ที่ได้นำความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่อพญานาค ผสมผสานกับอาชีพเกษตรกรรมและความชอบของแต่ละครอบครัว บรรจงวาดเป็นภาพเขียนสีพญานาคบนผนังของแต่ละบ้านจำนวน 22 รูป  กลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวสตรีทอาร์ต หรือหมู่บ้านภาพวาดเขียนสีพญานาค หนึ่งเดียวในโลก ที่มีบรรยากาศน่ารักสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้มาเยียมเยือน ในหมู่บ้านยังมี พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ที่จัดแสดงวิถีชีวิตของชุมชนชาวอีสานแบบดั้งเดิม รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่ เรียกว่า เมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้เราจะได้สัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตชุมชนชนบทแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว หมู่บ้านท่องเที่ยวสตรีทอาร์ท และ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ตั้งอยู่ในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ยังคงมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ทั้งการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการนุ่งซิ่น สะพายกระติ๊บ ตักบาตรข้าวเหนียว สำหรับการสร้างหมู่บ้านสตรีทอาร์ต คือการเปิดใจร่วมกันทั้งหมู่บ้าน โดยผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมกับงานศิลปะสมัยใหม่ ผู้ริ่เริ่ม คือ คุณขาบ ฟู้ดสไตล์ลิสต์ชื่อดัง เจ้าของรางวัลเวทีระดับโลก และยังเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิโครงการหลวงมากว่า 14  ปี ที่ตั้งใจกลับบ้านเกิดเพื่อพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้ทุนส่วนตัว และได้รับความร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน รวมทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน สร้างหมู่บ้านสตรีทอาร์ตภาพวาดเขียนสีพญานาค และพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต เพื่อเปิดพื้นที่แสดงวัฒนธรรม ถ่ายทอดวิถีท้องถิ่นให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมในแบบที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สำหรับการเดินทางมาหมู่บ้านเพื่อความสะดวกแนะนำตั้งการเดินทางจาก google maps มาได้เลย…

Read More

ถ้ำนาคา

ถ้ำสวยสุด Unseen ที่กำลังโด่งดังอย่างมากในเวลานี้ ตัวถ้ำตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ความโดดเด่นของถ้ำแห่งนี้ คือ มีหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้าย งูยักษ์ หรือ พญานาค อยู่หลายจุด บางก้อนก็มีลักษณะคล้ายกับหัวและมีลวดลายของกินคล้ายกับเกร็ดของพญานาค โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่า ถ้ำนาคา คือ พญานาค หรือ งูยักษ์ ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน เพราะบริวารของพญานาค ผู้ครองเมืองบาดาล ไปมีสัมพันธ์สวาทกับมนุษย์ และเมืองบาดาลที่พญานาคและบริวาร อาศัยอยู่ คือ บึงโขงหลง ในจังหวัดบึงกาฬปัจจุบัน 

Read More

หินสามวาฬ

หินสามวาฬ หนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่ป่าภูสิงห์  ตั้งอยู่ในอำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ในเขตพื้นที่อนุรักษ์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มของก้อนหินรูปทรงต่าง ๆ ที่สวยงามแปลกตา และถ้ำกระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ สามารถแวะชมได้หลายจุด รวมถึงหินสามวาฬ ที่มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง เหตุผลที่เรียกว่า หินสามวาฬ เพราะลักษณะของจุดชมวิวนี้เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน รูปร่างคล้ายปลาวาฬเรียงกันยื่นออกไปสู่หน้าผา หากมองในมุมสูงจะเหมือนกลุ่มวาฬที่มีพ่อ แม่ ลูก จึงเรียกกันว่า หินสามวาฬ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดดเด่นของภูสิงห์ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เบื้องหน้าคือ วิวของผืนป่าเขียวขจีและสายหมอกบาง หินสามวาฬสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และตลอดทั้งวัน แต่ช่วงเวลาที่แนะนำ คือ เวลาเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกบาง การชมหินสามวาฬและจุดต่างๆ ต้องใช้บริการรถนำเที่ยวของท้องถิ่นเพราะเส้นทางไปยังหินสามวาฬค่อนข้างออฟโรดมาก ต้องอาศัยผู้ชำนาญเส้นทาง รถจอดให้บริการอยู่บริเวณที่ทำการภูสิงห์ ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง – ห้าโมงเย็น เมื่อมาถึงสามารถไปติดต่อ พร้อมชำระค่าบริการคันละ 500 บาท (ไป-กลับ) รถสามารถนั่งได้ถึง 10 คน สำหรับคนที่ต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้นแนะนำให้มาตั้งแต่เช้า คือ ตีห้าครึ่ง เพราะพระอาทิตย์ขึ้นเร็วมากประมาณ 6 โมงเช้า…

Read More

ภูทอก

ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการ เดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันได เวียนไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มจากชั้น 1-7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบ ตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียนรอบเขาซึ่งจะ ได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำ สัตบุรุษ ให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระหรือโลกแห่ง การหลุดพ้นด้วย ความเพียรพยายามและมุ่งมั่น ภูทอก ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว…

Read More